khaothai
ฟังชัดๆแม่ยัน หนุ่มแว่นป่วยจริงต้องกินยาตลอด พร้อมไหว้ขอโทษคนไทย
October 23, 2019
วันนี้ 24 ตุลาคม 62 ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงานความคืบหน้ากรณีประชาชนหลายร้อยคนได้เดินทางไปรวมตัวกันที่ หน้า สภ.พุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เนื่องจากไม่พอใจกรณีที่พอใจ กรณีที่ นายรชฏ หวังกิจเจริญสุข อายุ 24 ปี หรือชาวโซเชียลเรียกว่า หนุ่มแว่น ที่ได้ตกเป็นประเด็นในโลกโซเชียลกรณีทะเลาะกับคู่กรณีที่รถเฉี่ยวชนกัน ก่อนจะพลั้งปากหมิ่นคนไทย ทำให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างหนักในโลกโซเชียล กระทั่งมีการมามอบตัว ที่สภ.พุทธมณฑลและมีผู้คนและสื่อจำนวนมากเดินทางติดตามมาดังกล่าว

ล่าสุด เวลา 02.00 น. พันตำรวจเอกชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ได้มีการประสานงานให้มีการนำตัวหนุ่มแว่น ออกจากสภ.พุทธมณฑล เพื่อมาทำการสอบปากคำเพิ่มเติมยังที่ปลอดภัยตั้งแต่กลางดึก เนื่องจากเกรงมวลชนจำนวนหลายร้อยคนจะระงับอารมไม่ได้และอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ นปพ. เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ข้างเคียง ประกอบด้วย สภ.นครชัยศรี สภ.สามพราน และกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร กอ.รมน. กำลังอส. จากอำเภอพุทธมณฑล เพื่อมาทำการควบคุมพื้นที่เนื่องจากได้มีการขยับของผู้ชุมนุมมาถึงประตูกระจกของสภ.พุทธมณฑล จนทำให้บรรยากาศดูแออัดและตรึงเครียด ขณะที่ด้านนอกมีการะโกนให้นำ หนุ่มแว่นออกไปด้านนอก
ซึ่งขณะที่มารดาและแฟนสาวของหนุ่มแว่น ได้เดินออกไปเพื่อจะไปขึ้นกลุ่มประชาชนได้มีการตะโกนด้วยอารมโกรธว่า เลี้ยงลูกมาด้วยอะไร อย่างไร แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้มีการตอบโต้และได้เดินออกจากพื้นที่ด้วยคามวิตก ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์ตรึงเครียดไม่น้อย

ต่อมา พันตำรวจเอกชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผู้กำกับการตำรวจ สภ.พุทธมณฑล ได้มีการสอบถามข้อมูลกับหนุ่มแว่นและมารดา กระทั่งได้มีการเผยแพร่คลิบออกมา โดยทางมารดาได้ยกมือไหว้และขอโทษคนไทย ซึ่งบอกว่า
ลูกชายนั้นไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่ 6 ขวบและกลับมาไม่นานและไม่เข้าใจและด้อยเรื่องการเรียนรู้วัฒนธรรมธรรมทำให้พลาดพลั้งการใช้ภาษาและคำ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นคือช่วงเช้าของวันที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา ทางบ้านได้มีการเตรียมของเพื่อจะไปวัดจนดึกทำให้ลูกชายไม่ได้กินยาแก้โรคซึมเศร้าที่เป็นประเภทควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อมีความเครียด (พร้อมกันได้นำยามาแสดง) โดยเมื่อเกิดเหตุด้วยความรีบและไม่เข้าใจการขับรถของคนไทยจึงเกิดอาการโมโหขึ้นมาและควบคุมการแสดงอารมไม่ได้
ขณะที่ นายรชฎ หรือหนุ่มแว่น ได้ยกมือไหว้ของโทษสังคมด้วยสีหน้าสลดและมีท่าทีดูเหนื่อยล้า ได้บอกว่าตนเองป่วยจิงและเสียใจขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตนเองไม่ได้กินยาระงับอาการไว้จริงๆ

โดย พันตำรวจเอกชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เผยว่า สำหรับคดีดังกล่าวตำรวจก็ได้สอบปากคำไปแล้วซึ่งคืนนี้ก็จะเร่งสอบให้เสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าจะมีการส่งตัวไปให้อัยการไปส่งฟ้องที่ศาลแขวงภายใน 1-2 วันนี้ ซึ่งสิ่งทางคดีตำรวจก็ไม่ได้หยุดดำเนินการ โดยเป็นห่วงเรื่องความรู้สึกของคนไทยกับกรณีแบบนี้ด้วย

ขณะเดียวกันเมื่อยิ่งดึกจำนวนของผู้ชุมนุมก็ได้ลดลงไปเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งก็ง่วงนอนและต้องกลับไปพักผ่อนเพื่อทำงานในวันพรุ่งนี้แต่ยังมีส่วนหนึ่งที่พยายามจะเกาะติดสถานการณ์โดยได้พยายามประชิดเข้าให้ใกล้ที่สุดโดยไม่รู้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาไปสอบปากคำยังที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันการปะทะกันก่อนหน้าหลายชั่วโมงแล้ว

ทั้งนี้ตลอดทั้งคืนในโลกโซเชียลได้มีการแสดงออกหลายแนวคิดทั้งยังตำหนิหนุ่แว่นและครอบครัวอย่างรุนแรง แต่อีกส่วนได้ออกมาตอบโต้กับผู้มาชุมนุมว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องของคนป่วยซึ่งมีหลายคนที่มาชุมนุมนั้นแสดงออกแบบไม่เหมาะสมและยังแบ่งแยกไม่ออกว่าผู้ป่วยนั้นมีอาการเป็นอย่างไร ซึ่งกำลังเกิดเสียงแตกในการแสดงความคิดเห็นดังกล่าว โดยมีนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ได้ออกมาโพสต์บนโลกโซเชียลเพื่อเตือนสติให้ทบทวนกับการแสดงออกเรื่องอย่างมีสติ
เรียบเรียงโดย ปนิทัศน์ มามีสุข นส.ปณิดา มามีสุข ทีมข่าวสยามนิวส์ จ.นครปฐม
0 comments