พ่อหนุ่มแว่นหัวร้อน ทนกระแสสังคมไม่ไหว ล่าสุดเตรียมส่งลูกชายกลับเมืองนอก

กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในขณะนี้ สำหรับคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวานนี้ 23 ต.ค.62 หนุ่มตี๋หัวร้อนมีเรื่อง ดูถูกคู่กรณี เบ่งอวดรวย ก่อนจะ...



กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในขณะนี้ สำหรับคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวานนี้ 23 ต.ค.62 หนุ่มตี๋หัวร้อนมีเรื่อง ดูถูกคู่กรณี เบ่งอวดรวย ก่อนจะว่าคนไทยทั้งประเทศ แม้ทางแฟนสาวจะพยายามห้ามแต่ไม่เป็นผล ต่อมาช่วงค่ำวันเดียวกัน หนุ่มตี๋ ได้ถูกเชิญมาที่ สภ.พุทธมณฑลเพื่อเข้าบันทึกการจับกุม ก่อนจะรับสารภาพ พิมพ์ลายนิ้วมือ โดนแจ้งข้อกล่าวหา หมิ่นประมาทซึ่งหน้า หรือ ดูหมิ่นเหยียดหยามผู้อื่นต่อหน้าธารกำนัล ในที่สาธารณะ

ทางด้านพ่อของหนุ่มตี๋ ได้เปิดใจถึงกรณีนี้ว่าเหตุเกิดขึ้นขณะลูกชายเดินทางไปทำบุญกับแฟนที่วัด ระหว่างกลับรถเกิดเฉี่ยวชนขึ้นกับกระบะคู่กรณี

ครอบครัวต้องขอโทษกับเหตุการณ์นี้ และขอโทษสำหรับพฤติกรรมไม่เหมาะสม ลูกชายตนป่วยโรคซึมเศร้า และมีภาวะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ เคยมีประวัติรักษาตัวที่โรงพยาบาลมโนรมย์ ย่านบางนา มีประวัติการรักษามาเป็นปี และต้องทานยาตลอดเวลา สำหรับยาที่ใช้ทานคือ Escitalopram เป็นยาที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล ยานี้มีกลไกการออกฤทธิ์โดยช่วยเพิ่มระดับสารสื่อประสาทเซโรโทนินในสมอง ทำให้สภาวะอารมณ์ของผู้ป่วยกลับมาเป็นปกติ ตนยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นลูกชายตนมีความคิดผิด


ลูกชายไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก เรียนและใช้ชีวิตที่ต่างประเทศจนเรียนจบและกลับมาอยู่เมืองไทยได้ประมาณปีกว่า มักบ่นทุกครั้งเวลาขับรถถึงระเบียบเมืองไทยไม่ดี ไม่มีน้ำใจ ซึ่งแตกต่างจากต่างประเทศ เวลาขับรถต่างประเทศถ้าเปิดไฟขอทางจะให้ แต่เมืองไทยเมื่อเปิดไฟคือด่า ไม่มีน้ำใจ ทำให้เวลาขับรถมักเกิดอุบัติเหตุ อุบัติเหตุครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ทุกครั้งที่เกิดลูกชายจะมีอารมณ์โกรธแค้น ควบคุมตัวเองไม้ได้

ครอบครัวเคยสอนแล้วว่าบนท้องถนนมีน้ำคนมีน้ำใจ และไม่มีน้ำใจต้องแยกแยะ ตอนแรกยังไม่ทราบว่าเกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นเพราะลูกบอกเคลียร์แล้ว แต่เมื่อเห็นคลิปก็ยอมรับว่าตกใจ

ลูกชายคนเป็นคนเรียนเก่ง เป็นอาจารย์สอนภาษา ตั้งใจทำงาน หากไม่มีเรื่องมากระตุ้นก็จะไม่มีอาการ แต่หลังจากนี้คงไม่ให้ขับรถแล้ว ส่วนเรื่องถูกให้ออกจากงาน บริษัทไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น จากนี้จะให้ลูกพักรักษาตัว และจะคิดดูว่าจะให้กลับไปอยู่ต่างประเทศหรือไม่

ยืนยันว่าฐานะครอบครัวปานกลาง พ่อแม่ยังต้องทำงาน ลูกพูดไปเพราะอาการป่วยและพยายามด่าทอคู่กรณี ตนอยากขอให้สังคมให้อภัยและหยุดแชร์คลิป และทำเฟซบุ๊กปลอม เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องลูกได้ปิดช่องทางในโซเชียลทั้งหมดแล้ว

ล่าสุดพ่อของหนุ่มแว่นหัวร้อน ทนกระแสสังคมไม่ไหว เตรียมส่งลูกชายกลับเมืองนอก เพราะลูกชายน่าจะไม่เหมาะที่อยู่ที่ประเทศไทย

ขอบคุณ amarintv, เรื่องเล่าเช้านี้


You Might Also Like

0 comments