khaothai
เปิดคลิป จนท.ตรวจสอบ อุโมงค์ลึกลับ บนเกาะสมุย พบหลักฐานสำคัญ-รถยนต์วิ่งลอดได้ (คลิป)
February 22, 2019เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นายสมคิด เจียวก๊ก หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สฎ.6 เกาะสมุย นางสาวสิตาทิพย์ งามพงศ์ศานตร์ ปลัดอำเภอเกาะสมุย รับผิดชอบงานศูนย์รับเรื่องร้องเรียนศูนย์ดำรงค์ธรรม อำเภอเกาะสมุย พ.ต.ท.เด่นดวง ทองศรีสุข รอง.ผกก.ป.สภ.เกาะสมุย ร.ท.อดุลย์ พรหมบุตร หน.ชป.สร.มทบ 45 พื้นที่เกาะสุมย นายพัลลภ มีเพียร นิติกรชำนาญการ พร้อมเจ้าหน้าที่ เทศบาลนครเกาะสมุย
ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบอุโมงค์ปริศนา ในป่าละเมาะหมู่ 5 บ้านใต้ ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย โดยพบว่าอุโมงค์ดังกล่าว เป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ มีความกว้างกว่า 3 เมตร สูงประมาณ 3. 50 เมตร มีความยาวตั้ง แต่ปากทางเข้าอุโมงค์ ยาวไปถึงชายทะเล ประมาณ กว่า 100 เมตร รถยนต์สามารถวิ่งผ่านได้ ปากทางเข้าและออก มีกุญแจล็อกปิด
โดยอุโมงค์ปริศนาดังกล่าว ไม่ได้เป็นอุโมงค์ธรรมชาติ แต่เป็นอุโมงค์ที่ถูกเจาะขึ้นมา และถูกปล่อยทิ้งมาประมาณ 10 ปี โดยที่ไม่มีหน่วยงานใดทราบเรื่อง ขณะที่ทางเข้ามีการทำประตูปิดตาย มีคนดูเเลถือลูกกุญแจ และมีเนื้อที่จำนวน 3 แปลงติดต่อกันบนเนื้องที่กว่า 60 ไร่ อุโมงค์ดังกล่าว ทางเข้าอยู่ในป่าละเมาะ ส่วนท้ายอุโมงค์อยู่ติดชายหาดบ้านใต้ สามารถมองเห็นเกาะพะงัน อยู่ห่างจากถนนใหญ่สายทวี
ราษฎร์ภักดี หรือถนนสายรอบเกาะสมุยประมาณ 200 เมตร
นายพัลลภ มีเพียร นิติกรชำนาญการเทศบาลนครเกาะสมุย เปิดเผยว่า จากการที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโพสต์โซเชียลว่ามีอุโมงค์ลึกลับ ใต้ภูเขา ในบ้านใต้ ตำบลแม่น้ำ เบื้องต้นจากการตรวจสอบ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่จากหลายฝ่าย เข้าพื้นที่ตรวจสอบ พบว่า อุโมงค์ดังกล่าว เป็นอุโมงค์ลอดภูเขา ขนาดใหญ่ จากภูเขาลูกหนึ่ง ไปอีกฝั่งหนึ่ง เอกสารเบื้องต้น พบว่ามีเอกสารสิทธิ์ มีเจ้าของถือครอง ส่วนเจ้าของเป็นใครนั้น ต้องตรวจสอบอีกครั้ง ขณะที่การขออนุญาตเจาะภูเขาลอดอุโมงค์ ก็ต้องรอตรวจสอบอีกครั้งว่า ได้ขออนุญาต การขุดเจาะหรือไม่
ซึ่งอุโมงค์ดังกล่าวมีการขุดเจาะมาแล้ว ไม่ต่ำกว่า 10 ปี คาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงปี 2548-2549 ซึ่งคาดว่าเป็นบริษัทของผู้ประกอบการ แต่ไม่แน่ว่าของไทยหรือของต่างชาติ ที่ถือครองเอกสารสิทธิ์ ต้องรอตรวจสอบกันอย่างละอียดอีกครั้ง นายพัลลภ มีเพียร นิติกรชำนาญการเทศบาลนครเกาะสมุย กล่าว
คลิป
ขอบคุณ ข่าวดัง เฟสบุ๊ค
0 comments