ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา14.00 น. วันที่24 ธ.ค. 61ที่ผ่านมา  ร.ตอ.นิวัฒน์ คำวงษ์ รอง สว.สอบสวน


สภ.หนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จงชัยภูมิ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบรถเก๋งจอดอยู่กลางไร่อ้อยและมีผู้นอนเสียชีวิตอยู่ภายในรถเก๋งอยู่ ริมถนนสายแก้งคร้อ-หนองเรือ ปากทางเข้าหมู่ บ้านเตาถ่าน หมู่ที่ 16 ต.บลหนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ  หลังรับแจ้งได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับและได้รุดออกไปสอบสวนพร้อม พ.ต.ท.คเชนท์ ชาคลีรัตน์   สว.หัวหน้า สภ.หนองสังข์และแพทย์เวร รพ.แก้งคร้อ และหน่วยกู้ภัยสว่างพุทธธรรมแก้งคร้อ


ถึงที่เกิดเหตุ พบรถเก๋งยี่ห้อ Nissan รุ่น Tiida สีขาวหมายเลขทะเบียน ฌภ-6711 กทม. ดับเครื่องยนต์ รถประตูทุกบานถูกล๊อคปิดสนิท ภายในตัวรถเห็นหญิงสาวอายุประมาณ35ปี ลักษณะนอนห่มผ้าเหยียดตรงงอเข่าแล้วเอาศีรษะพาดเบาะไปทางด้านผู้โดยสาร
จากนั้น จนท.ได้ใช้เหล็กงัดประตูรถฯนำร่างหญิงสาวออกมาจากรถฯตรวจสอบเอกสารหลักฐานในตัวผู้เสียชีวิตทราบว่าเป็นข้าราชการครูชื่อผู้เสียชีวิตภายหลังชื่อนางสาวแคทรียา มุขมาลี อายุ 35ปี อยู่บ้าน


เลขที356ม.9ต.บ้านกง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น เป็นข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอหนองเรือ จ.ขอนแก่น สภาพศพ  ผู้เสียชีวิต สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีแดง ใส่กางเกงยีนส์ขายาว จากการตรวจสอบร่างกายเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด  คาดว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า6-7ชั่วโมง


จากการตรวจสอบภายในรถยังพบพบกระดาษจดหมายเขียนด้วยลายมือ คาดว่าเป็นลายมือของผู้ตายเอง โดยมีข้อความระบุว่า ถ้ามีใครมาพบ ก็ขอให้ติดต่อไปยังญาติๆตามหมายเลขโทรศัพท์ตามที่ระบุไว้  โดยข้อความในตอนท้ายผู้ตายได้เขียน ขอความกรุณาจนท.ตร.ในการให้ข่าวมันกระทบกระเทือนจิตใจญาติๆและเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี อาจมีการเลียนแบบข่าวเป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีในการหาวิธีตาย
จากการสอบสวน ญาติผู้เสียชีวิตก่อนพบ กลายเป็นศพนอนตายปริศนาอยู่ในรถ ทราบว่าผู้ตายมีอาการเป็นโรคซึมเศร้าและมีอาการเครียด จากปัญหาภายในครอบครัว ซึ่งผู้ตายได้ขับรถเก๋งคันดังกล่าวออกมาจากบ้านพักในเขตอำเภอหนองเรือ มาตั้งแต่เวลาตี 5 ของวันที่24ธันวาคมที่ผ่านมา และญาติๆได้ระดมช่วยกันออกตามหาตั้งแต่ช่วงเช้าโดยญาติๆแจ้งว่าผู้ตายขับรถมุ่งหน้าเข้าตัวอำเภอแก้งคร้อ แต่ไม่ทราบพิกัด พยายามโทรศัพท์ติดต่อ  แต่ไม่มีคนรับ จนกระทั่งในช่วงบ่ายมี จนท.ตร.โทรไปแจ้งว่าพบเป็นศพเสียชีวิตอยู่ภายในรถกลางไร่อ้อย  ซึ่งทางด้าน จนท.ต้องนำศพไปชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง  ซึ่งถ้าหากทางด้านญาติๆไม่ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต ก็จะได้มอบศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป


เรียบเรียงโดย วิรัตน์ ดวงแก้ว ทีมข่าวสยามนิวส์ จ.ชัยภูมิ