khaothai
พิสูจน์ผลดีเอ็นเอ ตรวจแล้ว คนขับรถไถ ถูกพุ่งเป้าฆ่าเด็ก2ขวบ แม่ติดใจเห็นลูกก่อนตาย(คลิป)
December 25, 2018พิสูจน์ผลดีเอ็นเอ ตรวจแล้ว คนขับรถไถ ถูกพุ่งเป้าฆ่าเด็ก2ขวบ แม่ติดใจเห็นลูกก่อนตาย
พิสูจน์กันด้วยผลดีเอ็นเอ – จากกรณีสลดพบศพด.ช.ชาวพม่าที่หายตัวไปในไร่อ้อย กลายเป็นศพอยู่ในพงหญ้าข้างร่องน้ำ ห่างจากจุดที่หายตัวไปประมาณ 5 ก.ม. สภาพสวมเสื้อผ้าในวันที่หายไป แพทย์ นิติเวชสันนิษฐานมาจากการขาดอากาศหายใจ เสียชีวิตมาแล้ว 5-7 วัน พ่อแม่รุดดูศพที่ร.พ.อู่ทอง ร่ำไห้โฮด้วยความอาลัยเศร้าเสียใจ โดยแม่ติดใจสงสัยคนขับรถไถฆ่าลูกชาย ร้องขอหาผู้กระทำผิดนั้น
อ่าน พ่อแม่เปิดใจ! สงสัยคนขับรถไถ แฉพิรุธเพียบ-วัน‘น้องต้าแง’หายตัว
อ่าน ผมไม่ได้ฆ่าเด็ก! เปิดใจคนขับรถไถ ปมแม่ 2 ขวบคาใจเหยียบลูกตาย เอาศพไปทิ้งไร่อ้อย
อ่าน สุดช็อก! สภาพศพ น้องต้าแง 2ขวบหลงป่า เจอในพงหญ้าข้างร่องน้ำกลางป่าอ้อย
หลังเข้าสู่วันที่ 9 ที่เด็กชายซูลุยพิว ชาวเมียนมา วัย 2 ขวบ 1 เดือน สูญหายไปตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. ท่ามกลางการระดมค้นหาของตำรวจตระเวนชายแดน , สุนัขค้นหา , ตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี และเจ้าหน้าที่ อส. จนเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. เดินปูพรมทั่วบริเวณ จนไปเจอศพเด็กน้อย สภาพสุดช็อกนั้น โดย นางสาวมอ และ นายเพียว แม่และพ่อของเด็ก เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมและข้อสงสัยการเสียชีวิตกับทาง
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สระยายโสม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
แม่ของเด็กน้อย เผยว่า เห็นสภาพศพของลูกแล้ว พบว่ามีบาดแผลที่ช่วงล่างเป็นจำนวนมาก อีกทั้งของเล่นที่พบในที่เกิดเหตุ ก็ไม่ใช่ของลูกชาย เนื่องจากในวันที่ลูกหายไป มีเพียงหมวกและรองเท้าเท่านั้น อีกทั้ง จากการสังเกตของตน ลูกไม่น่าจะเดินไปถึงจุดที่พบศพได้ เนื่องจากเด็กมีปัญหาขาไม่ค่อยดี และรู้สึกคาใจว่าคนขับรถไถที่อยู่ใกล้จุดที่เกิดเหตุ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของลูกชาย
ขณะที่ นายสมาน อายุ 44 ปี คนขับรถคีบอ้อยในวันเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ตนยอมรับเจอกับเด็กในวันเกิดเหตุจริง ขณะนั้นตนไถดินแปลงตรงข้างกับจุดที่พ่อแม่เด็กกำลังทำงานอยู่ ในขณะที่ขับผ่าน ตนเห็นเด็กกำลังนั่งเล่นกับเด็กผู้หญิงอีกคนอยู่ตรงริมป่าอ้อย ซึ่งไม่ใช่ใต้ต้นแจง ตนเชื่อว่าหากเด็กพบรถไถกำลังทำงานอยู่ ก็จะไม่เข้าใกล้ หรือ หากเจอก็จะรีบเดินหนีทันที เนื่องจากรถไถมีเสียงดัง
จากนั้นตนไถดินเสร็จ ก็ได้ขับกลับไปที่บ้านและเปลี่ยนไปขับรถอีกคันหนึ่ง คือ รถคีบอ้อย ออกจากบ้านไปคีบอ้อยที่สวนข้างบ้าน แต่ไม่ได้ขับผ่านไปบริเวณจุดที่เด็กหาย จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ตนได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเด็กหาย มีเจ้าของไร่เข้ามาถามตนเองว่าเจอเด็กหรือไม่ ตนจึงออกไปช่วยตามหา แต่ก็ไม่พบ
“ขณะนี้ตนเองกลับถูกมองว่าเป็นคนขับรถทับเด็ก และเป็นคนที่เห็นเด็กคนสุดท้าย ซึ่งยืนยันว่า ไม่ได้หลบหนีอย่างแน่นอน เพราะตนเองคือผู้บริสุทธิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะในวันดังกล่าวต่างคนต่างทำงาน จนกระทั่งทราบข่าวก็ยังออกไปร่วมกันตามหา ซึ่งขณะนี้ตนได้มอบให้ตำรวจเข้ามาตรวจสอบรถไถคันดังกล่าว รวมถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ ซึ่งผลก็จะพิสูจน์ได้กับการตรวจดีเอ็นเอ
เรียบร้อยแล้ว”
เรียบร้อยแล้ว”
cr.อมรินทร์ทีวี
0 comments