รู้จัก โรคตุ่มน้ำพอง เกิดได้ 1 ใน 4 แสน หลังวินัย ไกรบุตรป่วย

เรียกได้ว่าทำเอาเหล่าแฟนคลับถึงกับช็อคไปตามๆกันเลยทีเดียวจ้า หลัง "เมฆ-วินัย ไกรบุตร" ดารานักแสดงชื่อดัง ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบ...



เรียกได้ว่าทำเอาเหล่าแฟนคลับถึงกับช็อคไปตามๆกันเลยทีเดียวจ้า หลัง "เมฆ-วินัย ไกรบุตร" ดารานักแสดงชื่อดัง ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่า ขณะนี้ป่วยเป็นโรคเพมพิกอยด์ หรือโรคตุ่มน้ำพอง ซึ่งเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง โดยภูมิคุ้มกันของตัวเองผิดปกติที่ผิวหนัง ซึ่งเกิดขึ้นได้ 1 ใน 4 แสนคน คนไทยมีไม่ถึง 10 คน ส่วนสาเหตุอาจจะเกิดจากการทำงานดึก และออกกำลังกายเยอะไปหรือไม่ รวมถึงผสมกับการที่ตนถูกน้ำร้อนลวก จึงทำให้ผิวหนังเหมือนขาดเมตาบอลิซึม จึงทำให้เกิดเป็นโรคนี้ขึ้นมา ส่วนอาการจะแสบร้อน คัน ทรมานสุดๆ ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ


ล่าสุดสำนักข่าวดังอย่างเดลินิวส์ได้เปิดเผยถึงอาการนี้ว่า ภาควิชาตจวิทยา Faculty of Medicine Siriraj Hospital คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ "โรคตุ่มน้ำพองจากภูมิคุ้มกัน" ไว้ว่า เป็นโรคที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อผิวหนังและเยื่อบุของตนเอง ทำให้เกิดการแยกตัวของผิวหนัง ในชั้นหนังกำพร้า หรือบริเวณรอยต่อของหนังกำพร้า และหนังแท้ ทำให้เกิดตุ่มน้ำพองขึ้นที่ผิวหนัง หรือเยื่อบุต่างๆ เช่น ในปาก เป็นต้น ตัวอย่างของโรคเหล่านี้ คือ โรคเพมฟิกัส (Pemphigus) และเพมฟิกอยด์ (Bullous pemphigoid)

โดยสาเหตุเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีแนวโน้มทางพันธุกรรมเป็นปัจจัยพื้นฐานสิ่งแวดล้อม เช่น เชื้อโรค และสารเคมีเป็นปัจจัยกระตุ้นมีบทบาทร่วมกันในการก่อโรค โรคตุ่มน้ำพองจากภูมิคุ้มกันไม่ใช่โรคติดต่อ
ส่วนอาการและอาการแสดงโรคกลุ่มนี้บางชนิดพบในวัยเด็ก บางชนิดพบในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ พบได้ทั้งเพศหญิงและชาย มีตุ่มน้ำพองขนาดต่างๆ เกิดขึ้นที่ผิวหนัง บางรายอาจเกิดที่เยื่อบุต่างๆ ร่วมด้วย เมื่อตุ่มน้ำแตกจะเกิดแผลหรือรอยถลอก ทำให้มีอาการเจ็บ ถ้าเกิดตุ่มน้ำพองหรือแผลในปากจะทำให้เจ็บแสบกลืนอาหารไม่สะดวก บางรายผิวหนังที่ถลอกหรือเป็นแผล อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นหนอง ถ้าเป็นรุนแรง เชื้อโรคอาจเข้าสู่กระแสโลหิตทำให้มีไข้ หรืออาการอื่นๆ ได้


ส่วนการรักษาโรคตุ่มน้ำพองชนิดเพมฟิกัสและเพมฟิกอยด์ ยาหลักที่ใช้รักษาคือ เพรดนิโซโลน (prednisolone) จะเริ่มด้วยขนาดสูงก่อน เมื่อควบคุมอาการของโรคได้แล้ว จึงค่อยลดยาลง เพื่อหาจุดที่ใช้ยาต่ำสุดที่สามารถควบคุมได้ การปรับขนาดยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ถ้าผู้ป่วยเกิดอาการข้างเคียงระหว่างรับประทานยาต้องรีบปรึกษากับแพทย์ผู้ดูแลและเพื่อพิจารณาปรับขนาดยาหรือเปลี่ยนไปใช้ยา กลุ่มอื่นๆ ที่ใช้ได้แก่ dapsone ยากดภูมิคุ้มกันชนิดอื่นๆ (cytotoxic drugs) ผู้ป่วยบางรายที่มีอาการน้อย อาจใช้ยา dapsone ควบคุมอาการของโรคได้ ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากอาจเริ่มควบคุมอาการของโรคด้วยเพรดนิโซโลนขนาดสูงร่วมกับยากดภูมิคุ้มกัน ระยะเวลาที่จะสามารคุมโรคได้อาจใช้เวลาเป็นเดือน
สำหรับการปฏิบัติตัวของผู้ป่วย ควรทราบว่าโรคในกลุ่มนี้มีความรุนแรงต่างกัน บางคนอาจมีตุ่มน้ำจำนวนน้อย แต่บางคนก็อาจมีตุ่มน้ำจำนวนมาก ถึงแม้ว่าผู้ป่วยที่มีตุ่มน้ำจำนวนน้อยหากไม่ได้รับการรักษา อาการจะกำเริบมากขึ้นได้ โรคกลุ่มนี้เป็นโรคเรื้อรัง มีอาการของโรคอาจกำเริบและสงบสลับกันไป ดังนั้นผู้ป่วยจึงควรรับการตรวจรักษาโดยสม่ำเสมอ และต้องรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งโดยเคร่งครัด ไม่ควรหยุดยาหรือลดยาเองเพราะจะทำให้โรคกำเริบขึ้นได้ เนื่องจากผู้ป่วยมักจะได้รับยาที่กดระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง

ดังนั้นผู้ป่วยจึงควรปฏิบัติตัวดังนี้

หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นโรคติดเชื้อ ไม่ไปสถานที่แออัด เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

ถ้ามีอาการที่บ่งถึงการติดเชื้อ เช่น ไข้สูง ไอ ปัสสาวะแสบขัด ควรปรึกษา

ไม่รับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ หรือไม่สะอาด

ถ้าโรคยังไม่สงบ ไม่ควรตั้งครรภ์ เนื่องจากยาที่รับประทานเพื่อควบคุมโรคอาจมีผลต่อทารกในครรภ์ ถึงแม้ว่าโรคสงบแล้ว ถ้าจะตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะแพทย์อาจจะยังให้ยาบางชนิดเพื่อควบคุมโรคไม่ให้กำเริบ ซึ่งอาจมีผลต่อทารกในครรภ์ได้เช่นกัน

ผู้ป่วยที่ได้รับยาเพรดนิโซโลน ถ้ามีอาการปวดท้องอุจจาระดำ หรืออาเจียนเป็นเลือดควรแจ้งให้แพทย์ทราบ

ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ดื่มนมสด หรือ รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงป้องกันกระดูกพรุน สำหรับผู้ป่วยทีมีตุ่มน้ำแตกเป็นแผลในปาก ควรปฏิบัติดังนี้

ใช้น้ำเกลือ (Normal saline) อมกลั้วปากบ่อยๆ หรือทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาบ้วนปากยาฆ่าเชื้อที่เข้มข้น

หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด โดยเฉพาะอาหารเผ็ด หรือเปรี้ยว จะทำให้แสบหรือเจ็บแผลมากขึ้น สำหรับผื่นที่ผิวหนัง ควรปฏิบัติดังนี้

หลีกเลี่ยงการประคบหรือพอกแผลด้วยสมุนไพร ผงหรือยาใดที่แพทย์ไม่ได้เป็นผู้สั่ง

ถ้าต้องการทำความสะอาดแผล ควรใช้น้ำเกลือ (Normal saline) เช็ดเบาๆ อาจใช้ยาทา เช่น ยาครีมฆ่าเชื้อ ไม่ควรปิดแผลบ่อยๆ เพราะจะทำให้ผิวหนังหลุดถลอก

หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด โดยเฉพาะอาหารเผ็ด หรือเปรี้ยว จะทำให้แสบหรือเจ็บแผลมากขึ้น

ขอบคุณข้อมูล ภาควิชาตจวิทยา Faculty of Medicine Siriraj Hospital คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ขอบคุณภาพประกอบจาก วินัย ไกรบุตร


You Might Also Like

0 comments