khaothai
เผยเหตุผลที่ พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ เลยแม้แต่คนเดียว งานนี้กระจ่างทั้งประเทศ
March 25, 2019เรียกได้ว่ายังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างมากในโลกออนไลน์ สำหรับประเด็นการเลือกตั้งนายกของประเทศไทยคนที่30 เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยยังมีหลายเรื่องที่ทำให้ชาวเน้ตสงสัยเกี่ยวกับการเลือกตั้งในครั้งนี้ นั่นก็คือ ทำไมเพื่อไทยไม่ได้สส.ปาร์ตี้ลิสต์เลยแม้แต่คนเดียว โดยผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Chaiyapon Chai Chawanwanitchai ได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า...
ทำไมเพื่อไทยไม่ได้สส.ปาร์ตี้ลิสต์เลยแม้แต่คนเดียว
ตอนแรกจะปล่อยผ่านประเด็นนี้ เพราะในเนตมีข้อมูลเยอะมาก แต่เหมือนหลายคนสงสัยอยู่ เลยอยากมาเขียนอธิบายให้ฟัง1 คำตอบคือรัฐธรรมนูญยุคคสชปี 2560นี้ มี 2 กลไกที่เอื้อต่อฝั่งลุงตู่
2 กลไกแรกคือเรารู้กันอยู่แล้ว ที่ฉบับก่อน คนเลือกนายกได้ คือเฉพาะ สส ที่ผ่านการเลือกตั้งเท่านั้น แต่สำหรับฉบับนี้ ให้คนเลือกนายกได้ คือ สสที่ผ่านการเลือกตั้ง 500 คน และสว 250 คน
3 ซึ่งอย่างที่บอกไป ปกติแล้วสว ไม่เกี่ยว และฉบับก่อนๆ สว. มาจากการเลือกตั้ง ส่วนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ สว. มาจากการแต่งตั้ง 100%
4 โดยลุงป้อมเป็นประธานสรรหา ไม่บอกว่าใช้วิธีการอะไร และมีใครเป็นกรรมการสรรหาบ้าง ซึ่ง สว. นี้ จะโหวตให้ลุงตู่ 100% เพราะฉะนั้น ในการเลือกนายกฯ คนเลือกคือ สส+สว รวมกัน 750 คน ลุงตู่มีไปแล้ว 250 ตุนไว้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว
5 ดังนั้น ขอพลังประชารัฐได้เสียงแค่ 126 เสียง รวมกับ 250 เดิม จะกลายเป็น 376 เสียง ลุงตู่ได้เป็นนายกแน่นอน แต่คนละเรื่องกับการจัดตั้งรัฐบาลนะฮะ
6 กลไกที่สอง คือระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม (MMA : Mixed Member Apportionment) ซึ่งเป็นเรื่องใหม่สุด ผลงานสุดครีเอทีฟของคุณมีชัย ฤชุพันธ์ุ
7 ระบบนี้อธิบายให้เห็นภาพคือ ปกติสส.เลือกตั้ง 500 คน ระบบเก่าในรัฐธรรมนูญฉบับเดิม แบ่งเป็น สส.เขต 375 เสียง สส. ปาร์ตี้ลิสต์ 125 เสียง
8 วิธีการไม่มีอะไรซับซ้อน มีให้เลือกตั้ง 2 ใบ ใบแรก เลือกพรรค สส.ที่จะเป็นผู้แทนเขตตัวเอง ใบสอง เลือกพรรคที่เราอยากให้เป็นรัฐบาล จะเลือกเหมือนหรือต่างกันก็ได้
9 เช่น ชอบผู้แทนแถวบ้านเราชอบคนนี้ แต่นายกเราอยากได้อีกพรรคมากกว่า ก็เลือกแบกพรรคกันได้
10 เวลาคำนวณก็คำนวณแยกกัน ในส่วนสส.เขต ใครได้มากที่สุดในเขตนั้นก็ได้ไป ส่วน สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ก็ใช้หารๆถัวๆเอา
เช่นสมมติ มีคนมาเลือกตั้ง 5 ล้านคน สส.ปาร์ตี้ลิสต์ มีได้ 125 คน เอา 5 ล้านตั้ง หารด้วย 125
จะได้ 40,000 คน (ตัวเลขสมมติ)
ดังนั้น ถ้าพรรค A มีคนกาใบปาร์ตี้ลิสต์ให้ 40,000 คน ก็จะส่ง สส. เข้าได้ 1 คน มีคนกาให้ 80,000 คน ส่งได้ 2 คน มีคนกาให้ 120,000 คน ส่งได้ 3 คน พูดง่ายๆคือเอา 40,000 ไปหารคนที่ให้คะแนนเราทั้งหมดนั่นแหละ ว่าสุดท้ายได้แล้วกี่คน เช่น พรรคเพื่อไทย ครั้งที่แล้วได้ 61 คน ก็เอาไปเทียบกับลิสต์ที่พรรคเพื่อไทยส่งมาแต่แรก (รวมทั้งหมด 100 คน) ซึ่งอันดับที่ 1-61 ก็จะได้เป็นสส. ปาร์ตี้ลิสต์ไป
11 แต่ที่เล่าไป นั่นคือของเก่า ของรัฐธรรมนูญฉบับที่แล้ว แต่สำหรับฉบับนี้ใช้ระบบ MMA สส. 500 คน แบ่งเป็นแบ่งเขต 350 คน และบัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ที่เราว่าเนี่ย เพิ่มเป็น 150 คน
12 มีบัตรเลือกตั้งให้เลือกใบเดียว คือใบที่เราเพิ่งไปเลือกกันมาเมื่อวาน เมื่อกากบาทปุ๊บ นั่นคือเราเลือกทั้งพรรคที่อยากให้รัฐบาล และเลือกผู้แทนสส.ของเขตเราไปเลยทีเดียวแบบ 2 in 1
13 การคำนวณสส.เขตก็เหมือนเดิม เขตไหนคนเลือกคนไหนเยอะสุด คนนั้นก็ได้เป็นสส.เขตไป
14 แต่ปาร์ตี้ลิสต์เนี่ยดิ ยุ่งยากนิดนึงฮะ เริ่มต้นจากคนมาใช้สิทธิทั้งประเทศ หารด้วยจำนวนสส.ทั้งหมดที่มีได้
เช่น สมมติมีคนมาเลือกตั้ง 20,000,000คน สส. ทั้งหมด 500 คน พอเอามาหารกัน สส. 1 คน = ประชาชน 40,000 คน (ตัวเลขสมมติ)
แล้วเขาจะรวมคะแนนจากทุกบัตรเลือกตั้งของทุกเขต เช่น สมมติพรรค A รวมคะแนนที่ประชาชนให้จากทุกเขตเลือกตั้ง ได้ 2,000,000 เสียง
เอา 2,000,000 เสียงหาร 40,000 ออกมาได้ 50 คน นี่คือสส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่มีโอกาสได้สูงสุดคือ 50 คน
15 ยังไม่จบแค่นี้ สส.ที่จะได้จริง จะต้องเอาจำนวนสส.ปาร์ตี้ลิสต์ตั้งลบกับสส.เขต ถ้าพรรค A ได้สส.เขตมาแล้ว 50 คน เอาปาร์ตี้ลิสต์ตั้ง ซึ่งคือ 50 แล้วลบด้วย 50 แปลว่า พรรค A จะไม่ได้ สส.ปาร์ตี้ลิสต์เลย
แต่ถ้าพรรค A ได้สส.เขตแค่ 20 คน เอาปาร์ตี้ลิสต์ตั้ง ซึ่งคือ 50 ลบด้วยสส.เขตคือ 20 แปลว่า พรรค A จะได้สส.ปาร์ตี้ลิสต์จริง 30 คน
และถ้าพรรค A ไม่ได้สส.เขตเลย เอาปาร์ตี้ลิสต์ตั้ง คือ 50 ลบด้วย 0 พรรค A จะได้สส.ปาร์ตี้ลิสต์ 50 เลย
16 เห็นภาพไหมฮะ ระบบนี้ ใครยิ่งได้ สส.เขตน้อย จะได้ปาร์ตี้ลิสต์เยอะ
17 แล้วพรรคไหนจะเสียเปรียบสุด ถ้าให้พูดกว้างๆคือพรรคใหญ่ที่ได้สส.เขตเยอะ แต่ถ้าให้เอาจริงๆคือ พรรคเพื่อไทยเนี่ยแหละ ถ้าการเลือกตั้งคราวก่อน ปี2554 ระบบเดิมเพื่อไทยได้สส.ปาร์ตี้ลิสต์ 61 คน ถ้าใช้ระบบใหม่อันนี้ จะเหลือแค่ 18 คน ในขณะที่แทบทุกพรรค จะได้สส.ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่มทั้งหมด
18 คราวนี้เพื่อไทยเลยต้องแก้เกมส์ ด้วยกลยุทธที่เรียกว่าแตกแบงค์พันเป็นแบงค์ร้อย แตกพรรคเล็กพรรคน้อย เพื่อช่วยเก็บคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ และกระจายสส.เขต ไม่ให้ตัวเองมีสส.เขตเยอะเกินไป จะได้ปาร์ตี้ลิสต์เยอะหน่อย
19 แต่ที่พลาดสะดุดก้าวใหญ่คือ พรรคแบงค์ร้อยที่สำคัญสุดของเพื่อไทย คือ พรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งเพื่อไทยยอมไม่ส่งสส.100 เขต เพื่อเปิดทางให้ไทยรักษาชาติได้เกิด
20 แต่ปรากฏว่าโดนยุบพรรค หายไปเลยทั้งพรรค หายไปเลย สส.ทั้งร้อยเขต เสียทั้งสส.เขต เสียทั้งปาร์ตี้ลิสต์
21 พรรคที่ได้อานิสงก์จากระบบนี้คือพรรคขนาดกลาง เช่น อนาคตใหม่ที่ได้ปาร์ตี้ลิสต์เยอะสุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ เสรีรวมใจ และเศรษฐกิจใหม่ มาทรงใกล้ๆกัน คือไม่ได้สส.เขตเลย ไม่มีสส.ของ 2 พรรคนี้ชนะซักเขต แต่พอรวมเสียงเล็กเสียงน้อย กลายเป็นได้สส. ปาร์ตี้ลิสต์พอสมควรเลยทีเดียว
22 ส่วนเพื่อไทย พลาดหนักจริงตรงไทยรักษาชาติ ถูกระบบสกัดดาวรุ่งตามที่วางไว้ แต่ไม่คิดว่าจะสกัดได้ดีขนาดนี้ ทำให้เพื่อไทยไม่ได้ปาร์ตี้ลิสต์ซักเสียงเลย ซึ่งจากเดิมคาดว่าต้องมีได้บ้าง กระปิดกระปรอย กลายเป็นว่ากระทั่งคุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ สอบตก สส. ไม่มีที่นั่งในสภาเลยด้วยซ้ำ
23 จริงๆยังมีอีกหลายเรื่องที่ใช้อำนาจของความเป็นรัฐฏาธิปัตย์ (Sovereign) ในการกำหนดกฏเกณฑ์ต่างๆที่เอื้อประโยชน์ต่อการสืบทอดอำนาจ ทั้งการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ การออกนโยบายที่ละม้ายคล้ายการหาเสียงโดยใช้เงินของรัฐในช่วงโค้งสุดท้าย เช่น บัตรคนจน เป็นต้น
24 แต่จริงๆมันก็ผ่านไปแล้ว ที่ผมเขียนวันนี้แค่ต้องการอธิบายพาร์ทของปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งในทุกพรรคที่ลงสมัครก็รับรู้กติกา รับรู้เรื่องพวกนี้ตั้งแต่ต้น ทุกคนพร้อมสู้ในกติกานี้ แม้ไม่แฟร์นัก แต่ก็ดีกว่าไม่ได้สู้อะไรเลย 25 และวันนี้ผลก็ออกมาแล้ว มีโอกาสสูงมากที่ลุงตู่จะได้เป็นนายกต่อ แต่การจัดตั้งรัฐบาลหืดขึ้นคอแน่นอน และจะทำงานด้วยความยากลำบากกว่าก่อนแบบเทียบกันไม่ได้เลย
#ครูชัย
โพสต์ดังกล่าว
ขอบคุณ Chaiyapon Chai Chawanwanitchai
0 comments